หน้ามืดหายใจติดขัด – จริงหรือ แตงโม ลดความดัน

ความดันโลหิตสูง เป็นอาการหนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นของอีกหลายๆ โรค และ มักมีสาเหตุสำคัญมากจากพฤติกรรมการทานอาหารและการใช้ชีวิตของเรา

โรคความดันโลหิตสูง สามารถเกิดกับคนได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนเฉพาะกลุ่ม ความดันโลหิต คือ แรงดันของกระแสเลือดที่กระทบต่อผนังหลอดเลือดแดงซึ่งเกิดจากการสูบฉีดของหัวใจ (คล้ายแรงลมที่ดันผนังของยางรถ เมื่อเราสูบลมเข้า) สามารถวัดได้โดยการใช้เครื่องวัดความดัน (Sphygmomanometer) วัดที่แขน

 

ค่าความดันที่วัดได้ 2 ค่า คือ

  • ความดันช่วงบน หรือ ความดันซิสโตลี (Systolic blood pressure) หมายถึง แรงดันเลือดในขณะที่หัวใจบีบตัวซึ่งอาจจะสูงตามอายุ และ ความดันช่วงบนของคนคนเดียวกันอาจมีค่าที่ต่างกันออกไปตามท่าเคลื่อนไหวของร่างกายการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ และ ปริมาณของการออกกำลังกาย
  • ความดันช่วงล่าง หรือ ความดันไดแอสโตลี (Diastolic blood pressure) หมายถึง แรงดันเลือดในขณะที่หัวใจคลายตัว ในปัจจุบันได้มีการกำหนดค่าความดันโลหิตปกติ และ ระดับความรุนแรงของโรคความดันโลหิต

สามารถพบได้บ่อยมากโรคหนึ่งในผู้ใหญ่ โดยพบได้สูงถึงประมาณ 25-30% ของประชากรโลกที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งหมด พบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และ จะพบได้สูงขึ้นในผู้สูงอายุ

 

สาเหตุ และ ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง

ผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่ประมาณ 90-95% แพทย์จะตรวจไม่พบโรค หรือภาวะผิดปกติ หรือสิ่งที่เป็นต้นเหตุของความดันโลหิตสูง เรียกว่า “ความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด” (Essential hypertension) ผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงส่วนน้อยประมาณ 5-10% แพทย์อาจตรวจพบโรค หรือภาวะผิดปกติ หรือสิ่งที่เป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูงเรียกว่า “ความดันโลหิตสูงชนิดทราบสาเหตุ” สาเหตุของความดันโลหิตสูงชนิดทราบสาเหตุนั้นอาจเกิดได้จากหลายสภาวะ ได้แก่

  1. โรคไต เช่น โรคไตเรื้อรัง กรวยไตอักเสบเรื้อรัง หน่วยไตอักเสบโรคถุงน้ำไตชนิดหลายถุง อื่นๆ
  2. หลอดเลือดแดงไตตีบ (Renal artery stenosis)
  3. หลอดเลือดแดงใหญ่ตีบ (Coarctation of aorta)
  4. เนื้องอกบางชนิดของต่อมหมวกไต หรือต่อมใต้สมอง
  5. ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
  6. พันธุกรรมมีโอกาสจะสูงมากขึ้น เมื่อมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้
  7. โรคเบาหวาน เพราะก่อให้เกิดการอักเสบตีบแคบของหลอดเลือดต่างๆ รวมทั้งหลอดเลือดของไต
  8. โรคไตเรื้อรัง เพราะส่งผลถึงการสร้างเอนไซม์ และ ฮอร์โมนที่ควบคุมความดันโลหิตดังที่กล่าวไป
  9. น้ำหนักตัวเกิน และ โรคอ้วน เพราะเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน และ โรคหลอดเลือดต่างๆ ตีบจากภาวะไขมันเกาะผนังหลอดเลือด
  10. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep apnea)
  11. การขาดการออกกำลังกาย เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคอ้วน และ เบาหวาน
  12. การรับประทานอาหารเค็มอย่างต่อเนื่อง ตามเหตุผลที่กล่าวไป
  13. การสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในควันบุหรี่ส่งผลให้เกิดการอักเสบตีบตันของหลอดเลือดต่างๆ รวมทั้งหลอดเลือดหัวใจ และ หลอดเลือดไต
  14. การดื่มแอกอฮอล์ เพราะส่งผลให้หัวใจเต้นแรงกว่าปกติ และ มีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงถึงประมาณ 50% ของผู้ที่ติดสุราทั้งหมด
 

โรค และ อาการข้างเคียง

 

ระยะเวลาของการรักษา

  • ผู้ป่วยที่ความดันเลือดสูงมากอาจต้องรักษาไปตลอดชีวิต
  • ผู้ป่วยที่มีความดันเลือดสูงปานกลาง  อาจหยุดยาได้หลังจากรักษาไประยะเวลาหนึ่ง เช่น 1 ปี ถึง 2 ปี แต่ยังต้องมาพบแพทย์เพื่อวัดความดันเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ และ เริ่มรักษาถ้าความดันเลือดกลับขึ้นสูงอีก

แตงโม ช่วยลดความดันได้

ความดันโลหิตนอกจากจะรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว การใช้ธรรมชาติบำบัดก็สามารถช่วยได้เช่นกัน เริ่มด้วยการเลือกกินให้ครบ 5 หมู่ และ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือผลไม้ ซึ่งผลไม้บางชนิดก็ช่วยลดความดันโลหิตได้เช่นกัน ผลไม้ชนิดนั้นที่ช่วย ลดความดันโลหิต ได้คือ แตงโม

แตงโม จัดเป็นพืชผลไม้ตระกูลเดียวกันกับ แคนตาลูป ฟักทอง และ แตงกวา เนื้อของแตงโมมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักทำให้มีคุณสมบัติเย็น และ มีวิตามิน แร่ธาตุอยู่ภายในมากมาย ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล เส้นใย โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบีรวม วิตามินซี กรดโฟลิก แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และ สังกะสี และ ที่สำคัญ แตงโมมีสาร ซิทรูไลน์ (Citrulline) สารนี้มีประโยชน์สามารถช่วยขยายหลอดเลือดแดงภายในร่างกายได้ สารชนิดนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างมากต่อคนเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน และ ความดันโลหิต สามารถพบสารนี้ได้มากที่เปลือกของแตงโม ดังนั้นการกินแตงโมให้ได้ประโยชน์มากที่สุดควรทานเนื้อแตงโมกับเปลือกขาวๆ ด้วยเล็กน้อยจะดีมาก ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ มหาวิทยาลัยเท็กซัสทางตะวันตกเฉียงใต้ บอกว่าในแตงโมมีโพแทสเซียมและเกลือแร่สูงซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาไต และ การทำงานของหัวใจได้ดี กรมวิชาการเกษตรของสหรัฐอเมริกาได้แนะนำให้ผู้ใหญ่ควรได้รับโพแทสเซียมประมาณ 4,044 มิลลิกรัม จากอาหาร และ เครื่องดื่มในแต่ละวัน

 

ประโยชน์สำคัญของแตงโมที่ควรรู้

  1. แตงโมเหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย เพราะเนื้อสีขาวตรงเปลือกแตงโมสามารถช่วยเพิ่มพลังขณะออกกำลังกายได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสามารถรับประทานได้ทั้งก่อน และ หลังออกกำลังกายเพราะหากรับประทานก่อนออกกำลังกายจะช่วยลดการปวดของกล้ามเนื้อ ส่วนรับประทานหลังออกกำลังกายจะช่วยลดอาการเจ็บปวด และ ฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ดี
  2. ช่วยลดน้ำหนัก แตงโมนั้นจะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้นช่วยระบายท้องและยังสามารถช่วยเผาผลาญ และ ย่อยอาหารได้ดีอีกด้วย
  3. ช่วยลดความดันเลือด แตงโมมีคุณสมบัติเป็นยาขับปัสสาวะ โดยเฉพาะเนื้อสีขาวบนเปลือกแตงโมสามารถช่วยกำจัดน้ำส่วนเกินในกระแสเลือด และ ช่วยให้ภาวะความดันเลือดสูงลดลงได้
  4. ช่วยป้องกันมะเร็ง แตงโมอุดมไปด้วยสารไลโคปีน (Lycopene) เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในผลไม้สีแดง มีงานวิจัยกล่าวว่าไลโคปีนมีส่วนช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็งได้ถึง 34 %

อ้างอิงข้อมูล:mgronline,honestdocs

แนะนำผลิตภัณฑ์จากถั่วดาวอินคา

รีวิว Organoid ผู้รับประทานน้ำมันถั่วดาวอินคา