สัญญาณเตือนจากร่างกาย ฟ้องว่าคุณนั้น..บ้างาน!
ชีวิตที่เร่งรีบ กับการแข่งขันที่สูงขึ้นในปัจจุบันนี้ทำให้พวกเราต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อต่อสู้กับค่าแรงที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัวภาระหน้าที่ต่างๆ ก็บีบคั้นทำให้คุณต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ขยันมากมายให้เจ้านายมองเห็นศักยภาพหรือเพื่อโบนัสก้อนงามจึงโฟกัสที่เรื่องงานเป็นหลักเพื่อความมั่นคงจนลืมหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง
เพราะเหตุนี้จึงอาจส่งผลให้คุณกลายเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบเป็นโรคติดงาน (Workaholic) หรือ “โรคออฟฟิศซินโดรม (OfficeSyndrome)” ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า “โรคบ้างาน” นั่นเองเล่ามาขนาดนี้แล้วอาจจะยังไม่เชื่อว่าการที่โรคที่ว่าบ้างานๆ เนี่ย มันจะส่งผลร้ายอะไรกับชีวิตนักหนานะ
ลองมาดูอาการที่ฟ้องออกมาจากร่างกายกันดูดีกว่า ว่าตรงกันไปแล้วกี่ข้อบ้าง มาๆเราจะมาเชคไปพร้อมกัน
3 ระบบ อาการออฟฟิศซินโดรมที่พบบ่อย
- อาการทางระบบการมองเห็น อาการในกลุ่มนี้เกิดจากการมองจอคอมพิวเตอร์นานๆ หรือนั่งทำงานอยู่ในตำแหน่งที่มีแสงไม่เหมาะสม
- อาการทางระบบทางเดินหายใจเกิดจากการนั่งทำงานในห้องปรับอากาศที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกหรือ ห้องที่มีมลภาวะจากหมึก
เครื่องพิมพ์หมึกเครื่องถ่ายเอกสารเป็นต้น - อาการทางระบบกล้ามเนื้อ เป็นอาการที่พบได้บ่อยสุดส่วนใหญ่มาด้วยอาการปวดหรือ อาการเมื่อยล้า
สาเหตุการเกิดโรค
- เกิดจากการนั่งทำงานในอิริยาบถเดิมนานๆ และไม่มีการยืดขยับปรับเปลี่ยนท่าทางเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- เกิดจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไปการเพ่งใช้สายตามากๆ บวกกับรังสีจากจอภาพทำให้เกิดอาการปวดหัวปวดตาได้
- สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่เหมาะสม เช่น ออฟฟิศแออัด อากาศไม่ถ่ายเทโต๊ะเก้าอี้ไม่เหมาะกับสรีระอุปกรณ์ในออฟฟิศเต็มไป
ด้วยฝุ่นเป็นต้น - งานหนักเกินไปทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อนบวกกับสังคมในที่ทำงานเป็นพิษทำให้เกิดความเครียดได้
-
ปวดหลังบ่อยๆ หรือปวดเรื้อรัง ปวดร้าวไปทั่ว ทั้งต้นคอ และ สะบัก ต้นเหตุมาจาก การนั่งหลังค่อมและนั่งทำงานนิ่งๆเป็นเวลานานๆ จนหลังเกิดอาการเมื่อยเกร็ง อยู่ตลอดเวลา
-
หาวบ่อย ง่วงนอนทั้งๆที่นอนเต็มอิ่ม เหตุมาจากการนั่งทำงานนานๆเช่นกัน ทำให้กระบังลมขยายไม่เต็มที่ สมองเลยได้รับออกซิเจนไม่เต็มที่ จึงหาว เพื่อนำออกซิเจนเข้าไปบ่อยๆ
-
เป็นไมเกรน หรือปวดหัวเรื้อรัง เกิดจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การจ้องแสงจากคอมพิวเตอร์ที่มากเกินไป
-
นั่งๆทำงานแล้วมือชา มาจากการที่คุณจับเมาท์แช่เอาไว้ท่าเดิมนานๆ จนกล้ามเนื้อไปกดทับเส้นประสาทยังไงละ
-
เอ็นข้อมืออักเสบ หรือ นิ้วล็อค อันนี้คือเกินกว่ามือชา แต่เกิดการอักเสบที่ปลอกหุ้มเอ็มข้อมือกันเลยทีเดียว ปล่อยนานวันเข้า จะเกิดพังผืดเข้าไปยึดจับบริเวณนั้น จนทำให้ปวดปลายประสาท และนิ้วล็อคในที่สุด
-
เป็นภูมิแพ้ ถ้าที่ๆคุณนั่งทำงานอยู่ตรงนั้น ไม่มีอากาศถ่ายเทสะดวก แอร์ไม่สะอาด มีสารเคมีจาก เครื่องปริ้นเครื่องแฟกซ์ สิ่งเหล่านี้จะวนเวียนให้คุณสูดดมเข้าไป จนเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ หรือภูมิแพ้ได้ ลมพิษนี่ตัวดีเลยนะคุณ
-
รุนแรงสุดๆ ก็ถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อม หรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
หากเช็คดูแล้ว ตรงเกิน 3 ข้อ ถือว่า อยู่ในเกณฑ์ “โรคบ้างาน” กันแล้วนะ หากไม่รีบเปลี่ยนพฤติกรรม ก็ควรจะหาตัวช่วยที่ดี เข้าไปเสริม
แนวทางการรักษาและการป้องกัน
- การรักษา: หมั่นออกกำลังกาย เพื่อยืดและคลายกล้ามเนื้อ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน นอกจากจะช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
ป้องกันเอ็นและข้อยึดแล้ว ยังช่วยผ่อนคลายความเครียดและเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายด้วย - การป้องกัน: พักผ่อนให้เพียงพอ จัดสรรเวลางานและเวลาพักผ่อนให้สมดุลกัน หากมีโอกาสควรหาเวลาพักร้อนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
บ้าง - การรักษา: ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น เปลี่ยนโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะกับสรีระ ทำความสะอาดออฟฟิศให้โล่งและ
อากาศถ่ายเทมากขึ้น - การป้องกัน: ควรจัดสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้ดีและเป็นมิตรแก่ผู้ทำงานแต่แรกทั้งด้านสถานที่ทำงานเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์
ต่างๆ และสังคมในออฟฟิศ
หากมีอาการรุนแรงแล้ว และไม่สามารถรักษาได้ในเวลาอันสั้นอาจตัดสินใจพักงานหรือเปลี่ยนงานเพื่อไม่ให้อาการเลวร้ายลงกว่าเดิม
รักษาโดยใช้ยา เช่น ยาบรรเทาอาการกล้ามเนื้อและเอ็นอักเสบ ยาคลายเครียดซึ่งควรปรึกษาแพทย์และให้แพทย์เป็นผู้จ่ายยาให้เท่านั้น
-
อย่างการนั่งให้ถูกวิธี ปรับความสูงของเก้าอี้กกับโต๊ะให้เหมาะสม
-
ลุกเดินบ้าง หรือเปลี่ยนท่านั่งทุก 20 นาที
-
ทานอาหารที่มีประโยชน์ มีโอเมกา 3,6,9 สูงๆ เพราะโอเมกา 3 นั้นจะไปช่วยบำรุงสมอง ส่งผลให้การทำงานดีขึ้น เมื่อสมองปลอดโปร่ง ความเครียดก็จะลดลง อาการปวดหัวเรื้อรังก็จะทุเลา โอเมกา 6 จะช่วยบรรเทาอาการปวดตึงกล้ามเนื้อ ต่างๆทั้งร่างกาย และโอเมกา 9 จะช่วยบำรุงสายตาให้ดีขึ้น ให้ตาไม่แห้ง
ทำงานที่รักทั้งที ก็ควรจะหันมาดูแลร่างกายที่รักควบคูกันไปด้วยนะ ขอบอก!
การป้องกัน ฟื้นฟูด้วยโอเมกา 3-6-9
ประโยชน์ของโอเมกา 3-6-9 ได้มีการทดลองกับผู้ป่วยโรคความจำเสื่อม ปรากฎว่า เมื่อได้มีการทดสอบความฉลาดด้านภาษาและกิริยาท่าทาง เช่น ความสามารถในการคำนวณ ความสามารถในการตัดสินใจ และประสิทธิภาพระดับสูงกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับ DHA เป็นเวลา 6 เดือนจะมีขอบข่ายอาการที่ดีขึ้นมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ DHA โอเมกา 3 อย่างเห็นได้ชัด
โอเมกาช่วยให้อาการตึงเครียดลดลง นอนหลับได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคมะเร็ง โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคไขข้อเสื่อม มีประโยชน์ต่อระบบสายตาและประสาท และลดอาการซึมเศร้า รู้อย่างนี้แล้ว รีบหันมาดูแลเอาใจใส่ ผู้สูงอายุที่บ้านกันดีกว่าให้ท่านอยู่กับเราแบบนี้ไปนาน ๆ
กรดไขมันโอเมกา 3,6,9 เป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายช่วยเรื่องระบบการทำไหลเวียนของเลือดให้สะดวก และทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยให้การทำงานของหัวใจให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดี ช่วยบำรุงสมองเด็กตั้งแต่แรกเกิด รวมถึงบำรุงผิวพรรณให้สดใสจากภายในสู่ภายนอก…รายละเอียดสินค้า