สัญญาณเตือนจากร่างกาย ฟ้องว่าคุณนั้น..บ้างาน!

สัญญาณเตือนจากร่างกาย ฟ้องว่าคุณนั้น..บ้างาน!

ชีวิตที่เร่งรีบ กับการแข่งขันที่สูงขึ้นในปัจจุบันนี้ทำให้พวกเราต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อต่อสู้กับค่าแรงที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัวภาระหน้าที่ต่างๆ ก็บีบคั้นทำให้คุณต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ขยันมากมายให้เจ้านายมองเห็นศักยภาพหรือเพื่อโบนัสก้อนงามจึงโฟกัสที่เรื่องงานเป็นหลักเพื่อความมั่นคงจนลืมหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง

เพราะเหตุนี้จึงอาจส่งผลให้คุณกลายเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบเป็นโรคติดงาน (Workaholic) หรือ “โรคออฟฟิศซินโดรม (OfficeSyndrome)” ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า “โรคบ้างาน”  นั่นเองเล่ามาขนาดนี้แล้วอาจจะยังไม่เชื่อว่าการที่โรคที่ว่าบ้างานๆ เนี่ย มันจะส่งผลร้ายอะไรกับชีวิตนักหนานะ

 

ลองมาดูอาการที่ฟ้องออกมาจากร่างกายกันดูดีกว่า ว่าตรงกันไปแล้วกี่ข้อบ้าง มาๆเราจะมาเชคไปพร้อมกัน

“ออฟฟิศซินโดรม” กลุ่มอาการนี้ในประเทศไทยพบเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 55 เป็น ร้อยละ 60 แต่ในประเทศพัฒนาพบมากถึงร้อยละ80
และมักพบในช่วงอายุวัยทำงานคือ 16 – 44 ปี cr:www.honestdocs.co

 

3 ระบบ อาการออฟฟิศซินโดรมที่พบบ่อย

  1. อาการทางระบบการมองเห็น อาการในกลุ่มนี้เกิดจากการมองจอคอมพิวเตอร์นานๆ หรือนั่งทำงานอยู่ในตำแหน่งที่มีแสงไม่เหมาะสม
  2. อาการทางระบบทางเดินหายใจเกิดจากการนั่งทำงานในห้องปรับอากาศที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกหรือ ห้องที่มีมลภาวะจากหมึก
    เครื่องพิมพ์หมึกเครื่องถ่ายเอกสารเป็นต้น
  3. อาการทางระบบกล้ามเนื้อ เป็นอาการที่พบได้บ่อยสุดส่วนใหญ่มาด้วยอาการปวดหรือ อาการเมื่อยล้า

สาเหตุการเกิดโรค

  1. เกิดจากการนั่งทำงานในอิริยาบถเดิมนานๆ และไม่มีการยืดขยับปรับเปลี่ยนท่าทางเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  2. เกิดจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไปการเพ่งใช้สายตามากๆ บวกกับรังสีจากจอภาพทำให้เกิดอาการปวดหัวปวดตาได้
  3. สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่เหมาะสม เช่น ออฟฟิศแออัด อากาศไม่ถ่ายเทโต๊ะเก้าอี้ไม่เหมาะกับสรีระอุปกรณ์ในออฟฟิศเต็มไป
    ด้วยฝุ่นเป็นต้น
  4. งานหนักเกินไปทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อนบวกกับสังคมในที่ทำงานเป็นพิษทำให้เกิดความเครียดได้
[dt_vc_list]

 

  • ปวดหลังบ่อยๆ หรือปวดเรื้อรัง ปวดร้าวไปทั่ว ทั้งต้นคอ และ สะบัก ต้นเหตุมาจาก การนั่งหลังค่อมและนั่งทำงานนิ่งๆเป็นเวลานานๆ จนหลังเกิดอาการเมื่อยเกร็ง อยู่ตลอดเวลา

  • หาวบ่อย ง่วงนอนทั้งๆที่นอนเต็มอิ่ม เหตุมาจากการนั่งทำงานนานๆเช่นกัน ทำให้กระบังลมขยายไม่เต็มที่ สมองเลยได้รับออกซิเจนไม่เต็มที่ จึงหาว เพื่อนำออกซิเจนเข้าไปบ่อยๆ

  • เป็นไมเกรน หรือปวดหัวเรื้อรัง เกิดจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การจ้องแสงจากคอมพิวเตอร์ที่มากเกินไป

  • นั่งๆทำงานแล้วมือชา มาจากการที่คุณจับเมาท์แช่เอาไว้ท่าเดิมนานๆ จนกล้ามเนื้อไปกดทับเส้นประสาทยังไงละ

  • เอ็นข้อมืออักเสบ หรือ นิ้วล็อค อันนี้คือเกินกว่ามือชา แต่เกิดการอักเสบที่ปลอกหุ้มเอ็มข้อมือกันเลยทีเดียว ปล่อยนานวันเข้า จะเกิดพังผืดเข้าไปยึดจับบริเวณนั้น จนทำให้ปวดปลายประสาท และนิ้วล็อคในที่สุด

  • เป็นภูมิแพ้ ถ้าที่ๆคุณนั่งทำงานอยู่ตรงนั้น ไม่มีอากาศถ่ายเทสะดวก แอร์ไม่สะอาด มีสารเคมีจาก เครื่องปริ้นเครื่องแฟกซ์ สิ่งเหล่านี้จะวนเวียนให้คุณสูดดมเข้าไป จนเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ หรือภูมิแพ้ได้ ลมพิษนี่ตัวดีเลยนะคุณ

  • รุนแรงสุดๆ ก็ถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อม หรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

[/dt_vc_list]

หากเช็คดูแล้ว ตรงเกิน ข้อ ถือว่า อยู่ในเกณฑ์ โรคบ้างาน” กันแล้วนะ หากไม่รีบเปลี่ยนพฤติกรรม ก็ควรจะหาตัวช่วยที่ดี เข้าไปเสริม

กรดไขมันโอเมกา 3,6,9 เป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายช่วยเรื่องระบบการทำไหลเวียนของเลือดให้สะดวกและทำให้หลอดเลือดแข็งแรงช่วยบำรุงสมองเด็กตั้งแต่แรกเกิด

 

แนวทางการรักษาและการป้องกัน

  • การรักษา: หมั่นออกกำลังกาย เพื่อยืดและคลายกล้ามเนื้อ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน นอกจากจะช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
    ป้องกันเอ็นและข้อยึดแล้ว ยังช่วยผ่อนคลายความเครียดและเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายด้วย
  • การป้องกัน: พักผ่อนให้เพียงพอ จัดสรรเวลางานและเวลาพักผ่อนให้สมดุลกัน หากมีโอกาสควรหาเวลาพักร้อนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
    บ้าง
  • การรักษา: ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น เปลี่ยนโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะกับสรีระ ทำความสะอาดออฟฟิศให้โล่งและ
    อากาศถ่ายเทมากขึ้น
  • การป้องกัน: ควรจัดสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้ดีและเป็นมิตรแก่ผู้ทำงานแต่แรกทั้งด้านสถานที่ทำงานเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์
    ต่างๆ และสังคมในออฟฟิศ

หากมีอาการรุนแรงแล้ว และไม่สามารถรักษาได้ในเวลาอันสั้นอาจตัดสินใจพักงานหรือเปลี่ยนงานเพื่อไม่ให้อาการเลวร้ายลงกว่าเดิม
รักษาโดยใช้ยา เช่น ยาบรรเทาอาการกล้ามเนื้อและเอ็นอักเสบ ยาคลายเครียดซึ่งควรปรึกษาแพทย์และให้แพทย์เป็นผู้จ่ายยาให้เท่านั้น

 

  • อย่างการนั่งให้ถูกวิธี ปรับความสูงของเก้าอี้กกับโต๊ะให้เหมาะสม

  • ลุกเดินบ้าง หรือเปลี่ยนท่านั่งทุก 20 นาที

  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ มีโอเมกา 3,6,9 สูงๆ เพราะโอเมกา 3 นั้นจะไปช่วยบำรุงสมอง ส่งผลให้การทำงานดีขึ้น เมื่อสมองปลอดโปร่ง ความเครียดก็จะลดลง อาการปวดหัวเรื้อรังก็จะทุเลา โอเมกา 6 จะช่วยบรรเทาอาการปวดตึงกล้ามเนื้อ ต่างๆทั้งร่างกาย และโอเมกา 9 จะช่วยบำรุงสายตาให้ดีขึ้น ให้ตาไม่แห้ง

  •  

ทำงานที่รักทั้งที ก็ควรจะหันมาดูแลร่างกายที่รักควบคูกันไปด้วยนะ ขอบอก!

การป้องกัน ฟื้นฟูด้วยโอเมกา 3-6-9

ประโยชน์ของโอเมกา 3-6-9 ได้มีการทดลองกับผู้ป่วยโรคความจำเสื่อม ปรากฎว่า เมื่อได้มีการทดสอบความฉลาดด้านภาษาและกิริยาท่าทาง เช่น ความสามารถในการคำนวณ ความสามารถในการตัดสินใจ และประสิทธิภาพระดับสูงกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับ DHA เป็นเวลา 6 เดือนจะมีขอบข่ายอาการที่ดีขึ้นมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ DHA  โอเมกา 3 อย่างเห็นได้ชัด 

โอเมกาช่วยให้อาการตึงเครียดลดลง นอนหลับได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคมะเร็ง โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคไขข้อเสื่อม มีประโยชน์ต่อระบบสายตาและประสาท และลดอาการซึมเศร้า รู้อย่างนี้แล้ว รีบหันมาดูแลเอาใจใส่ ผู้สูงอายุที่บ้านกันดีกว่าให้ท่านอยู่กับเราแบบนี้ไปนาน ๆ

อาหารเสริมโอเมก้าถั่วดาวอินคา แบบน้ำมัน

กรดไขมันโอเมกา 3,6,9 เป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายช่วยเรื่องระบบการทำไหลเวียนของเลือดให้สะดวก และทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยให้การทำงานของหัวใจให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดี ช่วยบำรุงสมองเด็กตั้งแต่แรกเกิด รวมถึงบำรุงผิวพรรณให้สดใสจากภายในสู่ภายนอก…รายละเอียดสินค้า