เชื่อหรือไม่ว่าโรคความดันเป็นอีกหนึ่งโรคที่พบมากเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งไม่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น แต่ในประเทศยักษ์ใหญ่อย่างในสหรัฐอเมริกาโรคนี้ก็ฆ่าชีวิตของประชากรไปไม่น้อย
เป็นที่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองกำลังเป็นโรคนี้ เนื่องจากไม่เคยได้รับการวินิจฉัยว่าตนเองมีภาวะของโรคมาก่อนบ่อยครั้งจึงเกิดผลเสียโดยไม่ทันได้ป้องกันหรือรับการรักษา แท้จริงแล้วโรคความดันโลหิตไม่ใช่เรื่องไกลตัวแต่อย่างได ทำความเข้าใจเอาไว้ก็จะช่วยทำให้คุณรับมือและป้องกันได้ง่ายขึ้น
ความดันโลหิตคืออะไร วิธีวัดความดันโลหิต
“ความดันโลหิต” จริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่มีกันทุกคนอยู่แล้ว มันคือแรงดันที่เกิดขึ้นในหลอดเลือดแดงทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย หากใครที่เคยไปพบหมอจะสังเกตว่าพยาบาลมักจะทำการตรวจความดันเราก่อนเสมอ ตัวเลขที่เห็นเป็นสิ่งที่คุณเองก็สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ การบอกค่าของความดันโลหิตแพทย์มักจะบอกเป็น 2 ค่า เรียกให้เข้าใจง่ายๆ คือค่าความดันโลหิตตัวบนและตัวล่าง
ค่าความดันโลหิตตัวบน (Systolic Blood Pressure) เป็นการวัดการดันโลหิต “ในขณะที่หัวใจมีการบีบตัว” จะทำหน้าที่ในการดันเลือดออกจากหัวใจไหลตามเส้นเลือดแดงไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อมีการบีบแล้วก็ต้องมีการคลาย ความดันโลหิตตัวล่าง (Diastolic Blood Pressure) จึงเป็นการวัดเป็นการวัดความดันโลหิต “ในขณะที่หัวใจมีการคลายตัว” นั่นเอง
- ในภาวะที่ร่างกายปกติ ค่าความดันมาตรฐานสำหรับคนทั่วไปคือ 120/80 นั่นหมายถึงว่า ความดันโลหิตตัวบนไม่เกิน 120 มิลลิลิตรปรอท ส่วนความดันโลหิตตัวล่างนั้นก็ไม่ควรเกิน 80 มิลลิลิตรปรอท
- เกณฑ์ที่เข้าข่ายว่าระดับความดันต่ำ ในทางการแพทย์ความดันโลหิตของผู้ใหญ่ที่มีค่าต่ำกว่า 90/60 มิลลิเมตรปรอท จะเข้าข่ายเป็นผู้มีความดันโลหิตต่ำ หรือสำหรับผู้สูงอายุที่มีค่าความดันโลหิตต่ำกว่า 100/70 ก็เข้าข่ายเป็นผู้มีความดันโลหิตต่ำเช่นกัน
- เกณฑ์ที่เข้าข่ายว่าระดับความดันสูง ในทางการแพทย์ความดันโลหิตของผู้ใหญ่ที่มีค่าต่ำกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท จะเข้าข่ายเป็นผู้มีความดันโลหิตสูง
- แต่ถ้าหากตัวเลขที่วัดได้อยู่กึ่งกลาง ไม่ว่าจะระหว่างค่ามาตรฐานไปหาต่ำ หรือค่ามาตรฐานไปหาสูง นั่นแปลได้ว่าแปลว่าคุณยังมีภาวะความดันที่ปกติอยู่ จนกระทั่งตัวเลขเริ่มใกล้จะถึงภาวะความดันนั้นอาจแปลว่าคุณกำลังเริ่มมีความเสี่ยงที่จะเป็นความดันโลหิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิตของแพทย์และรายละเอียดของแต่ละบุคคล
ตรวจพบความดันโลหิตสูงหรือต่ำมากกว่ากัน
เมื่อพูดถึง “โรคความดันโลหิต” คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าโรคความดันโลหิตต่ำ เนื่องจากโรคความดันโลหิตสูงมีอันตรายมากกว่าและมักพบบ่อยกว่านั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 โรคนี้ต่างก็มีอันตรายพอ ๆ กัน บ่อยครั้งที่โรคความดันโลหิตมักไม่ส่งสัญญาเตือนล่วงหน้า ฉะนั้นควรดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอและตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้เราเตรียมรับมือกับโรคความดันโลหิตได้
ปัจจัยเสี่ยงที่มักทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
- สาเหตุอันดับแรกคือ โรคทางพันธุกรรม หากคนในครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง โอกาสที่เราจะเป็นโรคนี้ก็ย่อมมีมาก
- อายุที่มากขึ้น โรคความดันโลหิตสูงมักไม่ค่อยพบในวัยรุ่น แต่สำหรับผู้ที่มีอายุมากขึ้นโดยเฉพาะ 60 ปีขึ้นไปมักพบว่ามีโอกาสที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากขึ้นถึง 50% ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับต้น ๆ ของการเกิดโรคความดันโลหิตสูงก็ว่าได้
- มีน้ำหนักเกิน โอกาสที่จะทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงจะมากขึ้น
- คนที่มักทานเค็ม กระทรวงสาธารณะสุขไทยแนะนำปริมาณโซเดียมที่เหมาะสมสำหรับการบริโภคต่อวันคือ 1 ช้อนชาต่อวัน (ไม่เกิน 2,300 มก) แต่สำหรับคนไทยรับประทานโซเดียมถึง 7,000 มก.ต่อวันเลยทีเดียว การทานโซเดียมที่มากเกินไปนอกจากจะทำให้ไตทำงานหนักแล้ว ยังทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงด้วย
- ความเครียด จากการสำรวจทางการแพทย์ พบว่าคนที่อยู่ในเมืองมักจะมีอัตราส่วนของโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าปกติ สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะคนเมืองมักมีความเครียดจากหลากหลายปัจจัย ฉะนั้นควรหาวิธีผ่อนคลายอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นสปา โยคะ หรือการออกกำลังกายซึ่งเป็นวิธีบำบัดความเครียดที่ดีที่สุด
ปัจจัยเสี่ยงที่มักทำให้เกิดโรคความดันโลหิตต่ำ
- ภาวะขาดน้ำ อาการการที่ปริมาณน้ำหรือของเหลวในเลือดน้อยลง เกิดการไหลเวียนเลือดลดลง เลือดกลับเข้าสู่หัวใจน้อยลง หัวใจจึงเต้นบีบตัวลดลง ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง เช่น คนที่มีเลือดออกรุนแรง ท้องเสียอย่ารุนแรง รวมทั้งคนที่นั่งหรือนอนนานๆ แล้วลุกขึ้นทันทีมักจะเกิดการการหน้ามืด นั่นเป็นเพราะปริมาณเลือดจะคั่งที่ขา เมื่อเปลี่ยนอิริยาบถอย่างรวดเร็วเลือดจึงไหลกลับหัวใจไม่ทัน วิธีแก้ง่ายๆ คือการดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อเพิ่มปริมาณของเหลวในเลือด
- การรับประทานยา ยาบางชนิดอาจส่งผลให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำได้ เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาเบต้า บล็อกเกอร์ที่รักษาโรคหัวใจ ยารักษาโรคพาร์กินสัน บางรายพบว่ามักมีอาการความดันโลหิตต่ำเมื่อทานยารักษาผู้ที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
- อาการป่วยหรือปัญหาสุขภาพ หรือสภาวะที่ต้องนอนพักอยู่บนเตียงเป็นระยะเวลานาน อาจนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตต่ำขึ้นได้ เช่น โรคโลหิตจาง เนื่องจากเม็ดเลือดมีปริมาณต่ำกว่าปกติหรือมีจำนวนเม็ดเลือดแดงน้อย, ความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจ, ระบบประสาทอัตโนมัติ, ปัญหาเกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อ, ในบางรายอาจมาจากโรคเบาหวาน เป็นต้น
- การบาดเจ็บอย่างรุนแรง หรือภาวะช็อก เช่น ผู้ที่เกิดอุบัติเหตุและเสียเลือดจำนวนมากหรือเกิดอาการช็อกมักพบอาการความดันต่ำได้, ผู้ที่ติดเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือด, ผู้ที่เกิดอาการช็อกจากอาการแพ้อาหารหรือยาบางอย่างอย่างเฉียบพลัน เป็นต้น
- คนที่เป็นโรคหัวใจ เมื่อหัวใจเต้นผิดปกติจะลดแรงดันในหลอดเลือด ส่งผลให้ความดันเลือดต่ำได้
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากต้องเพิ่มเลือดหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ การไหลเวียนโลหิตของมารดาจึงลดลง ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตต่ำได้
อย่างไรก็ตามความดันโลหิตเป็นเรื่องที่ป้องกันได้ หัวใจสำคัญคือการออกกำลังกาย ทานอาหารให้ถูกหลัก และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่เป็นต้นเหตุของโรคความดันดังกล่าวก็จะช่วยป้องกันโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ หากรู้ว่าตนเองกำลังมีความเครียดต้องกาวิธีบำบัด เพราะบ่อยครั้งที่ความเครียดมักกระตุ้นทำให้ความดันผิดปกติ และสุดท้ายหมั่นตรวจโรคเป็นประจำทุกปี จะช่วยให้เราหาทางป้องกันได้ทันท่วงที cr.honestdocs.co