“อาการบวมน้ำ” เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินหรือ อาจจะเคยเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่เชื่อว่าอีกหลายๆ คนคงแอบสงสัยว่าบวมน้ำจริงๆ หรือ แค่อ้วน 

อาการบวมน้ำ คำคุ้นหูที่เคยได้ยินกันบ่อยๆ และพาลทำให้หลายๆคนเข้าใจผิดว่าอาการบวมน้ำเกิดจากการทานน้ำมากจนเกินไป หรือน้ำทำให้อ้วนซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมาก เพราะจริงๆ แล้วการบวมน้ำเกิดขึ้นจากหลายๆ สาเหตุ และทั้งหมดไม่เกี่ยวกับการรับประทานน้ำเลย วันนี้เรามาหาคำตอบกันค่ะ

“อาการบวมน้ำ (Edema) เป็นภาวะที่มีน้ำหรือน้ำเหลืองสะสมคั่งค้างอยู่ภายในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของร่างกายในปริมาณมากจนทำให้เกิดอาการบวม ซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกส่วนของร่างกาย แต่จะสังเกตุเห็นได้ชัดเจนเมื่อเกิดขึ้นบริเวณ มือ แขน ขา ข้อเท้า และเท้า ส่วนสาเหตุอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น อาการเจ็บป่วย การใช้ยาบางชนิด หรืออาหารการกินบางอย่าง”

• อาการอ้วนบวมน้ำในช่วงประจำเดือน – เกิดจากการไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนจึงทำให้มีการกักของเหลวในร่างกายมากกว่าปกติ Trick : ลดอาการบวมน้ำช่วงมีประจำเดือนควรเลือกทานทอาหารที่มีแมกนีเซียมและควรทานวันละ 200 มิลลิกรัม จึงจะช่วยลดอาการท้องอืดได้เกือบ 50% ซึ่งแมกนีเซียมจะมีมากในอาหารประเภทถั่ว เมล็ดทานตะวัน ผักโขม จมูกข้าว และอโวคาโด
• การดื่มน้ำมีส่วนช่วยลดอาการอ้วนแบบบวมน้ำ – บางคนคิดว่าการดื่มน้ำจะเพิ่มอาการบวมน้ำอันที่จริงแล้วการที่เราดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการที่ 8 แก้ว/ต่อวัน จะช่วยลดระดับสิ่งแปลกปลอมทั้งหลายในร่างกายได้โดยเฉพาะหากรู้สึกท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง อึดอัด น้ำที่ดื่มจะช่วยได้มาก และไม่ได้ส่งผลเสียต่อการลดน้ำหนักแต่อย่างใด
• อาหารเค็ม สาเหตุหนึ่งของอาการอ้วนแบบบวมน้ำ – โซเดียมในอาหารที่มีรสเค็มจะทำให้เกิดการบวมน้ำได้มากถึง 2 กิโลกรัม ในชั่วข้ามคืนเพราะร่างกายจะทำการเก็บน้ำได้อัตโนมัติเพื่อขับโซเดียมส่วนเกินออกทางไต แต่กว่าจะขับเสร็จคุณก็จะรู้สึกอึดอัด น้ำหนักขึ้น ตัวบวมได้
• อาการอ้วนแบบบวมน้ำหลังการออกกำลังกาย – แม้ว่าการออกกำลังกายจะส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักแต่ การศึกษาวิจัยชี้ว่าการออกกำลังกายหลังรับประทานอาหารจะทำให้เกิดแก๊สในระบบย่อยอาหารได้อย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดการท้องอืด อึดอัด แน่นท้อง เนื่องจากระบบการย่อยอาหารกำลังทำงานอยู่เพื่อย่อยอาหารที่คุณทานเข้าไป เมื่อร่างกายมีการออกกำลังกายระบบกล้ามเนื้อจะเริ่มทำงาน ซึ่งเมื่อสองระบบทำงานพร้อมๆ กันจะเกิดแก๊สในระบบการย่อยอาหารได้
• กินไฟเบอร์ กากใยอาหารมากเกินไป – การทานไฟเบอร์ หรือกากใยอาหารแม้จะมีประโยชน์แต่การทานมากเกินความจำเป็นจากความต้องการปกติ (25-30 กรัม) จะทำให้เกิดการท้องอืดได้
• กินมากไปจนพุงกาง – อาหารที่เรารับประทานมากเกินไปชนิด “อิ่มจนพุงกาง” จะทำให้เกิดการท้องอืดจุกเสียดได้ง่ายส่งผลเสียต่อแผนลดน้ำหนักของคุณอีกด้วยจึงควรเลี่ยงทานแต่พอดี ไม่มากเกินไป Trick : ลดอาการบวมน้ำหลังทานอาหารควรเพิ่มแบคทีเรียที่ดีเพื่อลดการท้องอืด โพรไบโอติก เป็นแบคทีเรียที่ดีที่ช่วยในการย่อยสลายกากอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ มีมากในโยเกิร์ต นมเปรี้ยว
• อาการบวมที่เกิดจากการได้รับน้ำเกลือ – เกิดได้จากการให้น้ำ หรือเกลือแร่มากเกินไปมีน้ำไปคั่งบริเวณเส้นเลือดในร่างกายมากเกินไปแล้วรั่วออกมาที่บริเวณต่างๆ ตามร่างกายส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ป่วยที่ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด แก้ไขได้โดยการลดอัตราการให้ของน้ำเกลือลง แต่ถ้าเกิดน้ำคั่งเยอะๆ เช่นในปอดก็จะรักษาด้วยการให้ยาขับปัสสาวะ

• ผิวหนังตึงและมีความมันวาวจนทำให้รู้สึกคัน และไม่สบายตัว เป็นรอยบุ๋มหากถูกกดหรือจิ้มค้างไว้ประมาณ 5 วินาที
• ช่วงท้องมีขนาดใหญ่ขึ้นมีอาการบวม และรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น
• ข้อติดแข็ง เดินลำบาก
• การไหลเวียนโลหิตลดลง และความยืดหยุ่นของหลอดเลือดแดง เส้นเลือด ข้อต่อ หรือกล้ามเนื้อลดลง
• เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังบวม และโป่งโดยเฉพาะบริเวณขา และแขนทำให้เกิดแผลเป็นบริเวณช่องว่างระหว่างเนื้อเยื่อได้ง่าย

ข้อควรระวัง : กรณีที่ปอดบวมน้ำอาจทำให้เกิดอาการไอ หรือมีปัญหาในการหายใจทั้งนี้ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์หากมีอาการขาบวม และรู้สึกปวดต่อเนื่องจากการนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานานอย่างการโดยสารเครื่องบินเป็นระยะทางไกล ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีหากพบสัญญาณของอาการปอดบวมน้ำ เช่น หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก หรือเจ็บหน้าอก เป็นต้น

การป้องกันอาการบวมน้ำทำได้เพียงบางสาเหตุเท่านั้น หากอาการบวมน้ำเกิดจากการรับประทานอาหารรสเค็มจัด อาจป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนอาหารการกินโดยหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม หรือรับประทานอาหารที่มีรสเค็มให้น้อยลง และหากอาการบวมน้ำเกิดจากการเจ็บป่วยก็อาจป้องกันได้ไม่เต็มที่ แต่อาจบรรเทาอาการได้ด้วยการรักษาโรค และอาการที่เกิดขึ้น ฉะนั้นจึงตอบได้เต็มปากแล้วว่าอาการบวมน้ำไม่ได้อ้วนนะคะ

อ้างอิงข้อมูล:pobpad.com